พี่น้องมิชิแกนขุดพบสมบัติอายุ 220 ปี

ตำนานของเกาะโอ๊กเริ่มต้นขึ้นในปี 1799 เมื่อเด็กชายวัยรุ่นสามคน แดเนียล แมคกินนิส แอนโธนี วอห์น และจอห์น สมิธ ออกไปตกปลา และค้นพบรอยบุ๋มบนพื้นดินหลังจากขึ้นฝั่งเพื่อเติมเสบียง ไม่นานนักพวกเขาก็สังเกตเห็นว่าดินมีลักษณะร่วนซุยอย่างประหลาด แมคกินนิสเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับกะลาสีเรือของกัปตันคิดด์ โจรสลัดชื่อดังชาวสก็อต ผู้ซึ่งคาดว่าฝังสมบัติ (มูลค่ากว่า 2 ล้านปอนด์ ที่ปล้นมา) ไว้ในที่ใดที่หนึ่งในบริเวณรอบๆ และพวกเขาอาจพบมันเข้าแล้ว เด็กชายทั้งสามขุดลึกลงไปกว่า 30 ฟุต (9.1 ม.) จนพบชั้นหินปูพื้น แท่นไม้โอ๊ก รอยเครื่องมือและรอยถลอกที่ผนังหลุม ด้วยเหตุผลบางอย่าง เด็กชายตัดสินใจเลิกค้นหาและกลับบ้าน บางคนคิดว่าเป็นเพราะความเชื่อโชคลาง ขณะที่บางคนเชื่อว่าพวกเขาอาจพบบางอย่างและเก็บเป็นความลับ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม หลุมที่เด็กๆ ขุดไว้ ซึ่งรู้จักกันในชื่อ “หลุมเงิน” ก็ถูกทิ้งร้าง ไม่กี่ปีต่อมา กลุ่มที่รู้จักกันในชื่อ Onslow Company ได้กลับมาที่เกาะ ครั้งนี้มาพร้อมกับเครื่องมือขุด และดำเนินการขุดต่อ เมื่อขุดลึกลงไปถึง 90 ฟุต (27 ม.) พวกเขาพบท่อนซุงซ้อนกันเป็นชั้นๆ ห่างกัน 10 ฟุต จนกระทั่งพบหินก้อนใหญ่…มีสัญลักษณ์ลึกลับจารึกไว้

ประวัติของหินยังคงลึกลับจนถึงทุกวันนี้ รายงานครั้งแรกในปี 1862 ผ่านหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นอธิบายว่าเป็น “หินรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสแกะสลัก ยาวสองฟุต หนาประมาณหนึ่งฟุต สัญลักษณ์ยังคงถอดรหัสไม่ได้เป็นเวลาหลายปีและตัวหินเองก็สูญหายไป แต่เรื่องราวของตัวละครบางตัวบงชี้ว่ามันคือเบาะแสของขุมทรัพย์อันยิ่งใหญ่ มีการคาดเดาและทฤษฎีมากมายเกี่ยวกับสมบัติที่แท้จริง บางคนเชื่อว่าอาจเป็นเครื่องประดับของพระนางมารี อองตัวเนต ในขณะที่บางคนสันนิษฐานว่าคูเมืองซ่อนต้นฉบับที่ระบุว่าฟรานซิส เบคอน คือผู้ประพันธ์เบื้องหลังผลงานของ วิลเลียม เชคสเปียร์