- โฆษณา -
หลายคนอาจจะรู้แล้วว่ามื้อที่สำคัญที่สุดของวันคืออาหารเช้า เมื่อเราอดอาหารกว่า 8 ชั่วโมงข้ามคืน แต่รู้หรือไม่ว่าสิ่งที่เรากินเข้าไปในตอนกลางคืนก็ส่งผลต่อสุขภาพได้เช่นกัน
การกินอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่ถูกต้องในมื้อสุดท้ายหรือของว่างในแต่ละวันสามารถรบกวนระบบของร่างกายระยะยาวและคุณภาพการนอนหลับของเราได้ การนอนหลับไม่เพียงพอกว่าสองถึงสามคืนหมายความว่าเราเหนื่อยล้าและใช้ชีวิตไม่เต็มที่ในวันถัดไป ดังนั้นนี่คืออาหารที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงหลายชั่วโมงก่อนเข้านอน!
น้ำอัดลม
โซดา โคล่า และเครื่องดื่มซ่า มักจะมีน้ำตาลสูง และการดื่มก่อนนอนซึ่งเป้นช่วงที่ออกแรงน้อยที่สุดอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ เครื่องดื่มเหล่านี้มักจะมีคาเฟอีน โดยเฉพาะโคล่า ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าทำให้เราตื่นตัว และไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการดื่มก่อนนอน
ในความเป็นจริง มีการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า พวกเราที่นอนหลับน้อยกว่าห้าชั่วโมงต่อคืนเป็นประจำ มีแนวโน้มที่จะหันไปหาเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและคาเฟอีนมากกว่าผู้ที่นอนหลับได้ 7-8 ชั่วโมง เครื่องดื่มที่มีฟองไม่เพียงแต่ส่งผลต่อการนอนหลับของเราเท่านั้น แต่ยังสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานประเภท 2 และโรคหัวใจได้อีกด้วย
เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและน้ำตาลสูงควรหลีกเลี่ยงในตอนเย็น เพราะเครื่องดื่มเหล่านี้จะทำให้ตื่นตัวและหลับได้ช้าขึ้น นอนน้อยลง ตื่นบ่อยขึ้นในเวลากลางคืน และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังได้
อาหารมันๆ
- โฆษณา -
การรับประทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น อาหารฟาสต์ฟู้ด อาหารทอด และอาหารสะดวกซื้อบางชนิด รวมทั้งเนื้อแดงและเนื้อสัตว์แปรรูป ที่จะทำให้ระบบย่อยอาหารของเรามีความเครียดมากขึ้น
ลำไส้ของเราต้องใช้พลังงานมากในการย่อยอาหารเหล่านี้ สิ่งนี้ส่งสัญญาณให้สมองรู้ว่าเรายังคงตื่นอยู่ ซึ่งรบกวนรูปแบบการนอนของเรา
การศึกษาเกี่ยวกับการนอนหลับพบว่าอาหารที่มีไขมันสูงในมื้อเย็นทำให้เราตื่นบ่อยขึ้นในตอนกลางคืน และทำให้นอนหลับพักผ่อนน้อยลง ซึ่งเราจะพลาดการนอนหลับระยะหลับฝันที่เรียกว่า REM (การเคลื่อนไหวของลูกตาอย่างรวดเร็ว) เพราะช่วงการนอนหลับที่ระบบการทำงานของกล้ามเนื้อต่าง ๆ หยุดพัก ยกเว้นหัวใจ หากนอนหลับไม่ครบวงจรจะทำให้นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
อาหารที่มีไขมันสูงและมันเยิ้มทำให้คุณภาพการนอนหลับไม่ดี และหากเรารับประทานอาหารเหล่านี้ในช่วงบ่าย มีการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าผู้ที่รับประทานอาหารไขมันสูงจะถูกรบกวนการนอนบ่อยกว่าผู้ที่รับประทานอาหารไขมันต่ำ
- โฆษณา -